December 20, 2017

ทำยังไงถึงจะเปลี่ยนคนอื่นได้

((ถุงขยะแบบย่อยสลายได้ ต้องซ้อนถุง))


รัฐที่เราอยู่ค่อนข้างใส่ใจสิ่งแวดล้อมนะ
มันมีขยะอย่างนึงที่ชื่อว่า compost
ประมาณพวกขยะที่ย่อยสลายง่ายๆ
เช่นเศษอาหาร และใบไม้

เวลาเทศบาลเอาขยะพวกนี้ไปทิ้ง
เค้าจะเอาไปทิ้งแบบที่มันสามารถย่อยสลายกลับสู่ธรรมชาติได้
มันก็ คือๆ การรีไซเคิล ชนิดนึงแหละ

ล่าสุดเดี๋ยวนี้มันมีถุงขยะและกระดาษทิชชู่ย่อยสลายได้ซึ่งเราไปซื้อมาแล้ว
แต่ถุงขยะพวกนี้ ถ้าขยะมันแฉะหน่อย มันจะทะลุใน 2-3 วัน

เดียร์เป็นเชฟประจำบ้าน และมักจะมีขยะย่อยสลายให้ทิ้ง
บางทีเค้าก็ต้องเปลี่ยนถุงเอง
แล้วครั้งแรกๆ เค้าก็ไม่ได้ซ้อนถุง จนบางครั้งขยะมันทะลุ

เวลาเราเห็นว่าขยะไม่ได้ซ้อนถุง
เราก็เรียกเดียร์เข้าไปในห้องครัวแล้วบอกว่า
“ตะเอง ช่วยซ้อนถุงหน่อยได้ป่าว จ๊ะ”

ครั้งถัดมา เดียร์ลืม เราก็พูดแบบเดิม
“ตะเอง ช่วยซ้อนถุงหน่อยได้ป่าว จ๊ะ”

แต่พอมีครั้งไหนที่เดียร์ไม่ลืม
เราก็เรียกเข้าไปในห้องครัวแล้วบอกว่า
“ตะเอง น่ารักจัง จำได้ด้วย ว่าต้องซ้อนถุง”

หลังจากนั้น เท่าที่จำได้ ถุงขยะในถังขยะนั้น ซ้อนถุงทุกครั้งที่เห็น

achievement unlocked


การเปลี่ยนพฤติกรรม

แฟนทะเลาะกัน
พ่อแม่ดุลูก
เจ้านายด่าลูกน้อง
โค้ชด่าผู้เล่นในทีม
โกลด่ากองหลัง

ตัวอย่างพวกนี้มันมีอะไรที่คล้ายๆกัน
ก็คือ ฝ่ายหนึ่งอยากให้อีกฝ่ายหนึ่งเปลี่ยนพฤติกรรม

ปีนี้เราแต่งงานกับเดียร์มาครบ 10 ปีละ
ก่อนแต่งงานก็ใช้เวลาทำความรู้จักกันประมาณ 6 ปี
ค่อนข้างราบรื่นแล้วตอนนี้
ถึงแม้ว่าตอนแรกจะโคตรขรุขระก็ตาม
แสดงว่าคู่เราน่าจะต้องทำอะไรซักอย่างถูก มันถึงรอดมาได้


จอร์แดน

เมื่อเร็วๆนี้ เราไปค้นพบ professor คนนึง
ที่มหาวิทยาลัย toronto ประเทศ canada
เค้าชื่อว่า jordan peterson
เป็นอาจารย์จิตวิทยา
หรือเรียกอีกอย่างว่าผู้เชี่ยวชาญเรื่อง พฤติกรรมมนุษย์นะ

เรารู้จักเค้าเพราะมีข่าวช่วงนึง
ที่เค้าเกือบโดนมหาวิทยาลัยเอาเรื่อง
ตอนที่เค้าออกมาต่อต้านกฏหมายที่กำลังจะออกใหม่อันนึง
ที่ให้พวกที่ไม่ใช่ ผู้ชาย หรือ ผู้หญิง มีสรรพนามของตัวเอง

คือ ฟังเผินๆ มันเหมือนว่าเค้าไม่เชื่อในความเท่าเทียมมนุษย์ใช่มะ

แบบ ทำไมไม่ยอมเรียกเกย์ ด้วยสรรพนามใหม่แววว้
แต่เหตุผลเค้าคือ ถ้ามันเป็นอะไรที่สังคมใช้กันมาจนเป็นวัฒนธรรมใหม่ก็อีกเรื่อง
แต่การออกกฏหมายที่บังคับให้คนพูดด้วยวิธีใดวิธีนึง
มันละเมิดสิทธิมนุษย์เกินไป
กฏหมายควรจะเป็นอะไรที่ห้ามคนทำแย่ ไม่ใช่บังคับให้คนทำอะไรซักอย่าง

พอฟังแล้วก็ เออ อาจารย์คนนี้เค้าต่อสู้กับกฏหมาย
เพราะเค้ารักความจริง และความถูกต้อง
และไม่สนว่า คนจะมองเค้าว่าใจร้ายหรือยังไง
ก็เลยลองไปดู youtube เค้าเพิ่ม

ก็ไปเจอ lecture ที่เค้าโพสไว้แล้วก็โคตรชอบ
โดยเฉพาะเรื่อง บุคลิกของมนุษย์
ที่ทำให้เราค้นพบว่าเราเป็นคนแบบไหน
แล้วความสุขความทุกข์ในชีวิตที่ผ่านมามันเริ่มมีคำอธิบายกระจ่าง

เราก็มักจะฟังเค้า lecture ระหว่างขับรถไปทำงาน
เพราะมันเพลินดี
(เค้า upload lecture ของเค้าบน youtube)

ฟังไปฟังมา youtube มัน recommend คลิปนึงมาให้ (เดี๋ยวแชร์คลิปให้ด้านล่างนะ)

มันคือสิ่งที่เรากับเดียร์ทำให้ซึ่งกันและกันโดยไม่รู้ตัว
และคิดว่าเป็นอะไรที่สำคัญมาก
ไม่ใช่แค่ในการใช้ชีวิตร่วมกับคู้ชีวิต
แต่กับมนุษย์คนอื่นโดยทั่วไปด้วย

เราไม่เคยจะเจาะจงออกมาเป็นคำพูดได้
แต่ลุงจอร์แดนคนนี้ กลั่นออกมาได้ดีมากๆ

เกริ่นมาซะยาว
เราดึงส่วนที่คิดว่าสำคัญ มาสรุปให้ฟังกัน


ทำยังไงถึงจะเปลี่ยนคนอื่นได้

การจะเปลี่ยนพฤติกรรมคนอื่นที่คนนิยมทำกัน
มันมีสองอย่างนะ
ชม และ ด่า

ทั้งคู่มีประโยชน์ เพราะเป็นการบอกว่า พฤติกรรมไหนดี พฤติกรรมไหนไม่ดี
แต่สิ่งที่สำคัญคือ ต้องชมและด่าให้ถูกวิธี


ชมแบบสุดหัวใจ

เวลาอีกฝ่ายทำให้ที่เราชอบ
อย่าอยู่เฉยๆ
ชมให้สุดหัวใจ และต้องให้เค้ารู้ด้วยว่าชมอะไร

เวลาอะไรๆมันเป็นไปตามที่เราคิด เรามักจะอยู่เฉยๆโดยอัตโนมัติ

ไม่มีใครคิดว่าผู้ให้บริการ internet มันดี
มีแต่คนด่า ตอนที่มัน offline 1 ชั่วโมง หลังจากออนไลน์มาทั้งปี

สิ่งที่ควรจะทำเมื่อคนอื่นทำได้ตามหน้าที่ คือ ชื่นชมตะหาก

ถ้าสังเกตได้ว่า เวลานัดเป็นกลุ่ม มีเพื่อนคนนึงไม่เคยปฏิเสธ
บอกไปเลยว่า ขอบใจมากที่มากินข้าวด้วยกันทุกครั้งเลย

ถ้าสังเกตได้ว่า แฟนช่วยเอาขยะไปทิ้งให้ในวันที่ทำงานหนักๆ
บอกไปเลยว่า ขอบใจมากที่ช่วยเอาขยะไปทิ้ง น่ารักที่สุด

ถ้ากองหลังช่วยประกบกองหน้าอีกฝ่ายตอนเตะบอล
(ทั้งๆที่มันก็เป็นหน้าที่กองหลังปะ)
บอกกองหลังไปว่า ประกบดี


ด่าสิ่งที่เล็กที่สุด

พอมาถึงเรื่องที่เราไม่ชอบเนี่ยแหละ เห็นง่ายนัก
แล้วเวลาสิ่งที่เราไม่ชอบเกิดขึ้น เราก็มักจะคิดไปไกล

สมมติว่า กำลังคุยกันเรื่องข้อสอบไฟนอลที่เพิ่งผ่านไป
แล้วอีกคนมันดึงเข้าเรื่องที่มันได้ A วิชายากๆ
“ไอ้เชี่ยนี่ แม่งก็เป็นงี้แหละ ทุกครั้งที่พูดเรื่องอะไร มันจะต้องอวดแต่เรื่องของมัน”

แล้วถ้าด่าเพื่อนคนนี้ออกไปแบบนี้ ก็ทะเลาะกัน

จริงๆไม่ต้องไปไกลขนาดนั้นก็ได้
แต่พยายามลดคำด่านั้น จนกระทั่งมันเป็นคำขอ อะไรซักอย่าง

ถ้าเพื่อนมันเริ่มอวดเรื่องของมัน ก็บอกมันว่า
“เดี๋ยวขอเล่าเรื่องกูจบก่อนแป๊ปนะ”
พอกลายเป็นคำขอเล็กๆ
ขออะไรที่มันทำได้เดี๋ยวนั้น และใช้พลังงานน้อยๆ
มันก็น่าจะทำให้เราได้

สำหรับพวก engineer หรือพวกชอบแก้ปัญหาจะรู้สึกขัดๆมะ

แบบการแก้ปัญหาควรจะแก้ที่ต้นเหตุ
ถ้ามาขอให้คนเปลี่ยนมี่ปลายเหตุแบบนี้
มันไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ effective

แต่นี่มันเป็นเรื่องความรู้สึกของคนและความสัมพันธ์อะนะ
เรื่องที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ความเร็ว หรือความเจ๋งของการแก้ปัญหา
แต่มันคือการอยู่ร่วมกับคนอื่น
โดยเฉพาะสำหรับคนที่ได้ความสุขจากการใช้เวลาดีๆร่วมกับคนอื่น

การที่เราทิ้งชุดนอนไว้บนพื้น แล้วเดียร์ขอให้ช่วยแขวนชุดนอนที่ราวหน่อย
ไม่ได้แปลว่าเราจะกลายเป็นคนมีระเบียบวินัยมากขึ้นทันที
แต่ความสัมพันธ์ของเรามันแน่นแฟ้นอยู่
เพราะไม่มีการพูดแรงๆใส่กัน
และซักวันหนึ่งเราก็จะมีระเบียบวินัยมากขึ้น

เพราะอย่างนี้แหละ สิ่งที่สำคัญที่สุดในการรักษาความสัมพันธ์กับคนอื่น
ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ ลูก เพื่อน แฟน เจ้านาย ลูกน้อง ลูกทีม เพื่อนร่วมทีม ฯลฯ
คือ ความอดทน นี่เอง

มันเป็นอะไรที่แทบทุกคู่ที่เราคุยด้วย บอกมา
เป็นอะไรที่ลุงป้าน้าอา บอกในงานแต่งงาน
เป็นอะไรที่เราสัญญาตัวเองไว้ก่อนตัดสินใจเป็นแฟนกับใคร

ความอดทนของทุกคนมีขีดจำกัด
แต่เราคิดว่า skill ความอดทน ยิ่งมากเท่าไร
ยิ่งมีผลดีกับการค่อยๆ รอให้คนอื่นเปลี่ยนพฤติกรรม โดยไม่ทำร้ายน้ำใจกัน


สิ่งที่แย่ที่สุด

ก่อนจบโพสนี้ ขอเตือนอีกเรื่อง

สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกแย่ที่สุด
คือ การด่าเวลาอีกฝ่ายหนึ่งทำดี

เอ้า มันก็แหงสิ ใช่ปะ
แต่มันเป็นอะไรที่เผลอทำโดยไม่รู้ตัวได้ง่ายมากๆ
ลองคิดดูนะว่าเคยทำอะไรคล้ายๆแบบนี้โดยไม่รู้ตัวนานเท่าไร

ยกตัวอย่าง

ส่งงานให้เจ้านายเกินกว่าที่ขอ เพราะ ชอบงานที่ทำอยู่มาก
เจ้านายชี้ข้อผิดพลาด แล้วบอกให้ทำอะไรเล็กๆ อย่าเพิ่งคิดไปไกล

แฟนทำอาหารให้ surprise ให้
บอกแฟนว่าจริงๆวันนี้อยากกินข้าวนอกบ้านมากกว่า

ฯลฯ


เอาไปลอง

ถ้าใครไม่เคยลองชมหรือด่าคนอื่นแบบนี้
แนะนำมากๆนะให้ลองเอาไปใช้กับคนรอบข้างดู
ถ้าถึงขนาด professor เอามาพูดใน lecture มันต้องใช้ได้กับชีวิตจริงประมาณนึงแหละ

ลองดูนะๆ เชื่อเรา

อ้อ อะนี่ คลิปที่สัญญาไว้
https://youtu.be/ux6TVYqdN-E?t=1h1m50s