June 10, 2014

วิธีการโน้มน้าวใจคน

คิดว่าหลายๆคนเกิดมาน่าจะเคยพยายามโน้มน้าวใจใครหรือโดนใครพยายามโน้มน้าวใจ

บางทีก็สำเร็จ บางทีก็ไม่สำเร็จ

ช่วงนี้มีเวลาว่าง เลยกลั่นกรองออกมาได้เป็นข้อๆ จะไล่ทีละข้อ แล้วให้ตัวอย่างด้วย

เราคิดว่านะ การจะโน้มน้าวใจใครซักคน (ขอใช้ชื่อ เบคแคม) ต้องมี 4 ข้อ นี้

1) ข้อมูลถูก
เราต้องเอาข้อมูลเจ๋งๆมาโชว์ไอ้เบคแคม แล้วข้อมูลต้องไม่ตอแหลด้วย

2) logic ไม่มีบั๊ก
จากนั้น เราต้องเอาข้อมูลจากข้อ 1 มาโยงเข้ากับผลประโยชน์ที่ไอ้เบคแคมจะได้รับ ให้สมเหตุสมผล

3) ภาษาไม่รุนแรง
วิธีการสื่อสารกับไอ้เบคแคมต้องไม่ใช้ภาษารุนแรง
ภาษารุนแรงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วย
แต่ตัวอย่างคร่าวๆ เช่น เหี้ย สัส กาก หรือแม้แต่ “555555555 อยากจะขำ” ก็ยังถือว่ารุนแรงอยู่
หรือแม้แต่ภาษากายที่ไม่ได้ออกมาเป็นคำพูด เช่นการ โพส link หรือ รูปภาพใส่ ที่ทำให้คนฟังรู้สึกโง่หรือผิด ก็ถือว่าเป็นภาษาที่รุนแรง

4) รอปาฏิหาริย์
เราควบคุมได้แค่ข้อ 1-3 จากนั้นต้องรอเหตุการณ์เด็ดๆมาเปลี่ยนชีวิตไอ้เบคแคม ไม่งั้นอยู่เฉยๆมันมักจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง

จบไป 4 ข้อ ขอยกตัวอย่างซัก 2 ตัวอย่างดีกว่า

กรณี 1 ชวนไอ้เบคแคมเลิกดูดหรี่ (ภาษาวิบัติสำหรับคำว่า สูบบุหรี่)

1) ข้อมูลถูก
เราต้องเอาข้อมูลที่ว่า บุหรี่ทำให้เกิดมะเร็งปอดจากแหล่งที่เชื่อได้ให้ไอ้เบคแคมดู

2) logic ไม่มีบั๊ก
การบอกว่า บุหรี่ทำให้เกิดมะเร็งปอด ไม่ได้แปลว่า การไม่สูบบุหรี่ทำให้ไม่เป็นมะเร็งปอด
(คร่าวๆคือ A -> B ไม่ได้แปลว่า ~A -> ~B
หรือในกรณีนี้ แปลว่า คนไม่สูบบุหรี่ แต่ทำงานโรงงานบุหรี่ก็เป็นมะเร็งปอดได้)
แต่เราสามารถเสนอว่า คนที่แก่ตายโดยไม่ได้เป็นมะเร็งปอด ไม่สูบบุหรี่
(อันนี้เพราะว่า A -> B กับ ~B -> ~A มันเหมือนกัน)

3) ภาษาไม่รุนแรง
ถ้าไปบอกไอ่เบคแคม ว่า “กุไม่รู้ว่ามึงโง่หรืออะไรถึงได้ไม่เลิกบุหรี่” มันคงไม่อยากฟัง
ถ้าบอกว่าประมาณว่า “นี่ๆ กูเป็นห่วง อยากให้มึงสุขภาพแจ่มๆ เราจะได้อยู่ด้วยกันนานๆ กุว่าถ้ามึงเลิกบุหรี่ได้จะเจ๋งมาก” ฟังดูลื่นหูกว่าเป็นไหนๆ
การใช้ภาษาไม่รุนแรง เคยเขียนไว้ใน blog เอาเก่า (ใครสนใจอ่านได้ที่นี่)

4) รอปาฏิหาริย์
จากนั้นก็ถึงเวลารอ เพราะว่าทุกคนไม่ใช่อยู่ๆ พูดอะไรแล้วจะเปลี่ยนนิสัยเค้าได้
ลองนึกดูขนาดพ่อแม่ที่เรารัก สั่งสอนเรามา หลายๆครั้งเรายังไม่เชื่อฟังเลย
เอาอะไรกับคนรู้จัก หรือ เพื่อนอะ
มันจะต้องเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนชีวิต เช่น พ่อตายด้วยมะเร็งปอด หรือว่า มีลูก อย่างนี้ อาจจะทำให้เบคแคมตัดสินใจเลิกบุหรี่ได้

อะจบตัวอย่างแรก

กรณีที่ 2 (สำหรับไอ้พวกเนิร์ด)

หลายๆคนคงเคยได้ยิน agile
คร่าวๆ agile เป็นแนวคิดที่ทำให้เขียนโปรแกรมได้ดี ตรงตามวัตถุประสงค์ “ลูกค้า” มากขึ้น
ถ้าอยากชวนไอ้เบคแคมที่เพิ่งเรียนจบ เอาแนวคิด agile เข้าไปใช้ในการเขียนโปรแกรมมากขึ้นจะโน้มน้าวยังไง

1) ข้อมูลถูก
เอาข้อมูลมาโชว์
เนี่ยบริษัท A B C D E ตอนแรกไม่ได้เอาหลักการ agile มาใช้เท่าไร ลูกค้าพอใจแค่ 20 %
พอเอาหลักการ agile มาใช้เยอะขึ้น ลูกค้าพึงพอใจ 50%

2) logic ไม่มีบั๊ก
ถ้าบริษัท A B C D E ไม่ได้คล้ายบริษัทที่เบคแคมทำอยู่ ก็ไม่ได้มีความน่าจะเป็นเท่าไรที่ agile จะใช้ได้กับบริษัทเบคแคม
แต่ถ้าบริษัท A B C D E มีความคล้ายกับบริษัทที่เบคแคมทำอยู่ เป็นการแสดง logic ที่ถูกต้องน่าเชื่อถือขึ้น

3) ภาษาไม่รุนแรง
ลองไปพูดใส่เบคแคมว่า “มึงไม่ใช้ continuous integration กุปวดหัวแทน” ดูสิ
ถ้าเบคแคมไม่รู้ว่าไอ่ศัพท์หรู continuous integration นั่นแปลว่าอะไร มันจะรู้สึกเหมือนโดนดูถูก
น่าจะพูดประมาณว่า “เคยลองนี่ยัง continuous integration เป็นอย่างนึงที่ทำง่ายๆเลย แล้วเห็นผลลัพธ์ที่ดีเร็วมากเลย”

4) รอปาฏิหาริย์
จากนั้นก็รอ
เบคแคม อาจจะเชื่อขาดใจ แต่ว่า ยังไม่มีโอกาสได้เอาไปใช้ หรือว่ายังไม่เห็นภาพ
แต่ถ้าวันนึง เจ้านายเบคแคมบอกว่า “เอาละ เดือนนี้เรามาลองอะไรใหม่ๆ มีใครจะเสนออะไรไหม” ละก็
เบคแคมอาจจะมีโอกาสได้ลอง แล้วก็รู้ว่ามันดี

สุดท้ายนี้เรามาเลี้ยงแมวกันเถอะนะๆๆๆ (ขาดข้อ 1, 2, 4)