February 14, 2016

ฉันเครียดที่สุด ฉันมีความสุขที่สุด




ฉันเครียดที่สุด


เคยอ่านจากกระทู้ที่ไหนซักที่

มีคนเป็นโรคซึมเศร้า เครียดเพราะเรื่องเงินเดือนน้อย
จากนั้นก็มีคนเข้ามาพยายามสอนว่า มีคนแย่กว่ามึงเยอะ มึงอะดีแล้วที่ยังมีงาน

แต่หนึ่งในคนที่มาตอบก็แสดงความเข้าใจเจ้าของกระทู้
เข้ามาอธิบายให้คนอื่นฟังว่า ด้วยการยกตัวอย่างคนคิดฆ่าตัวตายว่า
คนคิดฆ่าตัวตาย เค้าไม่มานั่งสนใจหรอกว่า ชีวิตคนอื่นแย่กว่าเค้าแค่ไหน
สิ่งที่อยู่ในหัวของเค้ามีแต่เรื่องของตัวเองวนไปวนมา

คนเป็นโรคซึมเศร้าก็เช่นกัน

แต่เอาเข้าจริงๆ มันไม่ได้หยุดแค่นั้น

ทุกๆคน (ใช้คำว่าคนส่วนใหญ่ดีกว่า น่าจะมีนักบุญที่ไม่สนใจเรื่องเครียดของตัวเองอยู่ในโลกนี้) ล้วนแต่หมกมุ่นกับเรื่องเครียดของตัวเองทั้งนั้น

เรื่องนี้เราเรียนรู้จากคนรอบข้างนี่เอง

ด้วยเส้นทางชีวิตที่เราเลือกและรสนิยมการทำกิจกรรมในเวลาว่าง
ทำให้เรามาอยู่ในสังคมที่ อายุเรามากกว่าคนรอบข้างประมาณ 10 ปี
เพื่อนสนิทๆด้วยทั้งหลายในปัจจุบันเป็นคนที่เรียน ป.ตรีอยู่

หลายๆครั้งเราพยายามบอกเด็กพวกนี้ว่า
ชีวิตนะมันไม่ได้มีแต่เรื่องเรียนกับเกรด
อย่าเครียดเรื่องเกรดมาก
บริษัทดีๆเค้าไม่ได้ดูเรื่องเกรดมากเท่าไรหรอก

พยายามปลอบเค้าด้วยการบอกว่า เนี่ยจริงๆมันไม่ได้แย่

แต่จริงๆแล้วในหัวของคนที่เครียดเรื่องเกรด
เรื่องเกรดเป็นเรื่องที่แย่มากๆๆๆๆๆๆๆ สมควรแก่การเครียดแล้ว

วิธีช่วย วิธีคุยกับคนเหล่านี้ ก็คือแสดงความเห็นใจล้วนๆ แล้วอย่าไป "ข่ม" ความเครียดของเค้า
การที่คนคนนึงเครียด
แล้วไปบอกเค้าว่า ชีวิตข้างหน้าเครียดกว่านี้อีกเยอะ
ไม่ทำให้คนฟังรู้สึกดีขึ้น

คำถามที่ตามมาก็คือ อ้าวแล้วอย่างนี้ ถ้าเราต้องการสอนใครซักคน จะสอนยังไงอะ
อันนี้สามารถไปอ่านโพสเก่าๆได้ 2 โพสคือ
1. วิธีการโน้มน้าวใจคน
2. วิธีการให้คำแนะนำที่ดีเพื่อให้เพื่อนคบกันต่อไป

ถ้าขี้เกียจอ่าน สรุปง่ายๆก็คือ
อยู่ๆอย่าไปพยายามสอนคนที่กำลังเครียด
ให้เราเน้นช่วยรับฟัง ช่วยเห็นอกเห็นใจคนเหล่านั้นก่อน
เค้าจะเกิดความไว้ใจเรา
เวลาเค้าไว้ใจเราเรื่อยๆถึงจุดหนึ่ง เค้าก็จะมาคุยกับเรา ขอคำแนะนำเราเอง
ถ้าเค้าเห็นว่าเราเป็นคนมีความสุข ไม่ค่อยเครียด วันนึงเค้าก็จะมาถามเราเองว่าทำยังไง
ถึงตอนนั้นระหว่างที่ให้คำแนะนำเค้าไปก็สอนๆไปพร้อมๆกันได้


ฉันมีความสุขที่สุด


เมื่อเรามองถึงความเครียดแล้ว
เราก็น่าจะมามองอีกฝั่งหนึ่งของกระจก ก็คือความสุขใช่ไหม

หลักการเดียวกันเลย

เคยมีเพื่อนประสบความสำเร็จ step เล็กๆในชีวิตไหม
เช่น "เอาเว้ย เค้ารับฝึกงานแล้วเว่ย" หรือ "ไชโย สอบผ่าน certificate แล้ว"
แม้มันจะเป็นความสำเร็จเล็กๆที่ไม่ใช่แบบ ผลงานที่เป็นที่ยอมรับระดับโลก หรือเป็นสร้างสิ่งมีชีวิตหนึ่งให้เกิดขึ้นมาให้เห็นโลก
แต่เป็นก้าวเล็กๆที่จะนำไปสู่เรื่องดีๆต่อไปในอนาคตได้

อันนี้เราสามารถดักคนพูดผิดได้ง่าย เพราะ การ "ข่ม" เรื่องดีใจมันชัดกว่า การข่มเรื่องเครียด

สำหรับตัวอย่าง ได้รับเข้าบริษัทตำแหน่งฝึกงาน
จะมีคนตอบประมาณว่า "ตกลงบริษัท (ที่เจ๋งกว่า) เค้าไม่รับเหรอ"
หรือแม้แต่ "ยินดีต้อนรับสู่ชีวิตการทำงาน" ที่ฟังดูไม่มีพิษมีภัย แต่เป็นการ ข่ม นัยๆ ว่าตัวเองนะอยู่ตรงนี้มาก่อน

ในจังหวะนี้ คนที่ดีใจกำลังคิดว่า เรื่องดีใจของเขานะสำคัญที่สุด
เราในฐานะเพื่อนที่ดี มีหน้าที่เดียวก็คือ "เย่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!" ใส่แล้วก็จบ

ทำอย่างนี้แล้วเพื่อนมันก็จะมาเล่าเรื่องดีๆให้เราฟังเยอะ
แล้วสมองมันก็จะจับคู่เรากับเรื่องดีๆ
พอถึงวันนึงมันก็อาจจะขอคำแนะนำ เช่น อยากรู้เรื่องการใช้ชีวิตวัยทำงานให้เหมาะสม
ถึงตอนนั้นค่อยสอน ค่อย "ข่ม" ว่า การฝึกงานมันแค่เริ่มต้น แต่เดี๋ยวสอนให้ว่าทำยังไงต่อไป


สรุปก็คือ


คนเราทุกคน ก็จะมีเรื่องเครียดเรื่องมีความสุขเล็กๆน้อยๆเข้ามาเรื่อยๆ
แม้ว่าเรื่องพวกนั้นจะเป็นเรื่องเล็กๆ จากการมองด้วยความเป็นกลาง
แต่เรื่องนั้นก็คือเรื่องใหญ่ของคนเหล่านั้น
เราเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตร่วมกับคนรอบข้างกันเป็นสังคม
การให้ความสำคัญกับเรื่องแย่หรือเรื่องดีของคนอื่นเป็นทักษะที่สำคัญมากในการดำเนินชีวิตและการสร้างเพื่อน

เอาหละ ได้เวลาไปปลอบใจ และ แสดงความยินดี กับคนรอบข้างละ